ตอนนี้หลายคนคงสงสัยว่าใครคือขวัญใจคนใหม่ของเรดเดวิลล์ ว่าคนคนนั้น ยิงประตูได้เท่าไร ฟอร์มสุดยอดหรือเปล่า อยู่กับทีมมานานมั้ย ซึ่งคำตอบกลับเป็นตรงกันข้ามทั้งหมดเลย เพราะคนคนนั้น คือ ลูคัส เลว่า (เบนิเตซ) นักเตะจอมเฟอะฟะเเห่งทีมลิเวอร์พูลนั่นเอง
ราฟาเอล เบนิเตซ ยอดกุนซือสมองเพชรของลิเวอร์พูลได้ซื้อดาวเตะชาวบราซิลมาในปี 2007 โดยว่าจะนำไปปั้นเป็นตัวตายตัวเเทนของสตีเฟ่น เจอร์ราด กัปตันทีมคนปัจจุบัน ซึ่งในขณะนั้นลูคัสมีดีกรีถึงกับเป็นกัปตันทีมชาติบราซิลชุด u-21 เเละมีทีมยักษ์ใหญ่มากมายหมายตามอง ทำให้แฟนหงส์เเดงทุกคนดีใจมากมายที่ดีลซื้อขายนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี และเชื่อว่าการซื้อตัวครั้งนี้จะเป็นการซื้อตัวเเห่งอนาคตของทีมเลยทีเดียว
ฟอร์มของลูคัสในปีฤดูกาล 2007-2008 นั้น ก็ยังทำให้เเฟนหงส์ยังเชื่อมั่นว่านักเตะอย่างลูคัสจะเป็นนักเตะอนาคตไกลอย่างเเน่นอน จากการที่ได้ลงเล่นมากมายพอสมควร เเละ มีฟอร์มการเล่นที่ดีในศึกดาร์บี้เเมตซ์กับเอฟเวอร์ตัน ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาทำให้ทีมพลิกเกมกลับมาชนะ 2 - 1
ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงกีฬาโอลิมปิกปี 2008 นั้น ลูคัสก็ได้ติดทีมชาติบราซิลชุดลุยปักกิ่งเกมส์ เละก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชาติบราซิลคว้าเหรียญทองเเดงโอลิมปิกมาได้อย่างสวยงาม 
ถัดมาในฤดูกาล 2008-2009นั้น ลูคัสก็เริ่มกลับมาช่วยทีมอีกครั้งในเดือนกันยายน ดาวเตะอนาคตไกลของเหล่าเดอะค็อปได้กลับมาช่วยทีมอีกครั้ง ทำเอาสาวกนกกระจอกเเดงดีใจมากกลับการกลับมาครั้งนี้ 
เเต่ทว่าการกลับมาของลูคัสครั้งนี้กลับได้เรียกเสียงโห่ฮาจากแฟนหงส์เกือบตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับแฟนทีมปีศาจถือสามง่ามกลับได้เฮฮากับการที่ลูคัสกลับมาครั้งนี้ เพราะฟอร์มทุกครั้งที่เขาได้ลงสนามนั้น อยู่ในขั้นค่อนข้างเเย่ ก่อให้เกิดความผิดพลาดระหว่างเกมส์ตลอด ทำให้บอลที่ไม่มีอะไรกลายเป็นลูกที่อันตรายกับทีม เเละก่อความบรรลัยให้ทีมลิเวอร์พูลอย่างมากมาย
แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าราฟาเอล เบนิเตซ ทำไมเขาถึงให้โอกาสนักเตะคนนี้มากจัง ทั่งที่หลายคนฟอร์มดีกว่าเขามากมายกลับไม่ได้โอกาส บ้างก็ถูกขายส่งต่อให้ทีมอื่นในราคาที่ขาดทุน ทำให้ลูคัส เละหอกนักกรีฑาอย่างเดิร์ก เค้าท์ได้รับการขนานนามว่าเป็นลูกในไส้ของราฟา เบนิเตซ กุนซือลิเวอร์พูลนั่นเอง ตอนนี้ดาวเตะอนาคตไกลอย่างลูคัสกลายเป็นนักเตะอนาคตไกลผู้ไกลคนเสียเเล้ว
ต่อไปหลังจากนี้จะเป็นตัวอย่างชิ้นโบว์ดำของลูคัสที่ทำให้เเฟนผีได้ดีใจกับเขาอย่างมากมาย
1.แอสตัน วิลล่า 0 – 0 ลิเวอร์พูล (31 สิงหาคม 2008)
เกมนี้ลิเวอร์พูลขาดสองกำลังหลักอย่าง สตีเว่น เจอร์ราด กับ เฟอร์นันโด ตอร์เรส ทำให้ลูคัสต้องย้ายตำเเหน่งจากกองกลางมาอยู่ฝั่งซ้าย ทำให้ทีมลิเวอร์พูลต้องมาเล่นเกมรับ เพื่อเพียงขอยันเสมอทีมอย่างเเอสตัน วิลล่า ก็เท่านั้น
2.ลิเวอร์พูล 0 - 0 ฟูแล่ม (22 พฤศจิกายน 2008)
เกมนี้ราฟาจำเป็นต้องใช้กองกลางคู่ที่ไม่ใช่ตัวหลัก เพื่อเป็นการโรเทชั่นในระบบของราฟา เเต่เเทนที่จะเป็นชาบี้ ดาวเตะตัวหลักของทีม กลับกลายเป็นลูคัส เลว่า ลูกรักของราฟาซะงั้นนี่ ทำให้จบ 90 นาที สกอร์บอร์ดอยู่ที่ 0-0 เเฟนหงส์เซ็งกันทั้งเมือง
3.สโต๊ค 0 – 0 ลิเวอร์พูล (10 มกราคม 2009)
หลังเกมถล่มนิวคาสเซิ่ลยับไป 5-1 แฟนๆคิดว่านี่คือฟอร์มของแชมเปี้ยน และฟอร์มของแชมเปี้ยนก็มาแสดงให้เห็นชัดแจ๋วว่ามันแค่ลวงตาในแมทช์ต่อมา ราฟาเลือกเล่นรัดกุมอีกครั้งด้วยการอัดมิดฟิลด์ไปถึง 5 คน (และแน่นอนว่าต้องมีลูคัสเป็นหนึ่งในนั้น) พร้อมทั้งไม่ยอมส่งกองหน้าอาชีพที่ฟิตเต็มถังอย่างคีนลงเล่น แต่กลับใช้ศูนย์หน้าตัวรับอย่างเคาท์ลงเล่นเต็มเกม ไม่น่าแปลกใจอะไรอีกแล้วที่เราจะเห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายและเสียงโห่จากกองเชียร์ลิเวอร์พูลที่มีให้ราฟาเอล เบนิเตซอีกเกม
4.ลิเวอร์พูล 1 – 1 เอฟเวอร์ตัน (19 มกราคม 2009)
เกมนี้ลิเวอร์พูลเปลี่ยนแผนการเล่นจาก4-5-1 เป็น 4-4-2 เพื่อนำมาพิฆาตคู่ปรับร่วมเมืองที่อยู่ในสภาพพิการเป็นอย่างยิ่ง ซึ่ง 3 คะเเนนกำลังจะเป็นของเจ้าถิ่น หลังสตีเฟ่น เจอร์ราดยอดกัปตันทีมของลิเวอร์พูลยิงให้ทีมนำก่อนด้วยสกอร์ 1 -0 เเต่ในช่วงท้ายเกมราฟากลับโชว์กึ๋นโดยการเปลี่ยนตัวเฟอร์นันโด ตอร์เรส ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของทีมกลับลูคัส ลูกรักของเขา ถัดมาอีก 3 นาที เป็นการตีเสมอของทิม เคฮิลล์ ซึ่งผลการเเข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงเเต่พวกเอฟเวอร์โตเนียนจะพึงพอใจเท่านั้น เเฟนผีมากมายก็ดีใจกับเกมส์นัดนี้ด้วย ซึ่งผลงานนัดนี้ของลิเวอร์พูลก็เปรียบเสมือนการกระทืบฝันอนันลมๆเเล้งๆของตนให้สลายไปโดยพริบตา
5.เอฟเวอร์ตัน 1 - 0 ลิเวอร์พูล(5 กุมภาพันธ์ 2009 )
ลางร้ายของลิเวอร์พูลได้เกิดขึ้นตั้งเเต่ต้นเกม เมื่อสตีเฟ่น เจอร์ราดถูกหามออกนอกสนามด้วยอาการเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า ไม่เพียงเท่านั้นในนาทีที่ 76 ลูคัส เลว่าก็ได้ตอบเเทนบุญคุณพ่อบุญธรรมที่รักอย่างเต็มที่โดยการโชว์โง่โดนใบเเดงทำให้ทีมเหลือเเค่ 10 คน ก่อนโดนทีเด็ดของเเดน กอสลิ่งเด็กเมื่อวานซืนของทอฟฟี่สีน้ำเงินทำให้เเพ้ไป 1 -0 อย่างน่าเสียดาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น